ยังจำได้ไหม ? ทองคำเส้นแรกในชีวิตซื้อมาในราคาบาทละเท่าไหร่
“ทองคำ” ทั้งทองรูปพรรณและทองคำแท่ง คือ สินทรัพย์ปลอดภัยที่มีมูลค่าสูงอย่างต่อเนื่องในทุกๆปี ซึ่งปัจจุบันราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นถึง บาทละ 40,000 บาท ซึ่งราคาทองที่เพิ่มขึ้นทุกๆปีนี้เอง ทำให้คนจำนวนไม่น้อยมองเห็นโอกาสในการลงทุนทองคำเพื่อให้ได้ผลตอบแทนและความมั่นคงในอนาคต
สำหรับมือใหม่ที่มีความสนใจ แต่ยังไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นอย่างไร ? วันนี้แอดมี่ได้รวบรวมข้อมูลพื้นฐานที่ต้องรู้เกี่ยวกับ ‘ทองคำเพื่อการลงทุน’ เอาไว้ให้แล้วในบทความนี้ค่ะ
“ทองคำ”
สินทรัพย์ปลอดภัยที่ใครๆก็อยากครอบครอง
ท่ามกลางภาวะวิกฤตจากเหตุการณ์ไม่ปกติที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 2019 ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ สงครามการค้า รวมถึงสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทองคำกลับกลายเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนไม่ติดลบ ต่างจากสินทรัพย์ส่วนใหญ่ที่มีความเสี่ยงสูงในการลงทุน เช่น ราคาหุ้น
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะว่าทองคำคือของหายากที่มีอยู่อย่างจำกัดและเป็นสินทรัพย์ที่สามารถรักษามูลค่าของตัวเองเอาไว้ได้ และยังถูกใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้ามาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งมุมมองของตลาดการเงินโลกยังคงจัดประเภททองคำเป็น สินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven Asset) ไว้ไม่เปลี่ยนแปลง หมายความว่า ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ตึงเครียดใด ๆ ก็ไม่อาจฉุดราคาทองให้ตกลงได้
ทั้งนี้ทองคำจึงเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูงสำหรับซื้อเก็บไว้ถือครอบครองในระยะยาว เพราะมีความเสี่ยงขาดทุนน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับสินทรัพย์อื่น ๆ ด้วยเหตุนี้เองแต่ละประเทศจึงเลือกสะสมทองคำไว้เป็นทุนสำรองเพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคง
แม้ราคาซื้อขายทองคำในแต่ละวันจะมีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา เพราะราคาสามารถขึ้นลงได้รายวินาที เราจะสังเกตได้จากความคึกคักบริเวณหน้าร้านทองที่มักจะมีคนจำนวนไม่น้อยรอเปรียบเทียบราคาทองก่อนตัดสินใจซื้อขาย เพื่อให้ได้กำไรและความคุ้มค่ามากที่สุดจากการเก็งราคาทองในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งหากใครมีทองคำเก็บไว้มากเท่าไหร่ เท่ากับว่ายิ่งได้ครอบครองความมั่นคงเพิ่มเข้ามาในชีวิตมากขึ้นเท่านั้น ฉะนั้นแล้ว จึงเป็นเรื่องเข้าใจได้ว่าในช่วงเวลานี้มักจะมีคนที่เริ่มมาสนใจลงทุนในทองคำกันเพิ่มมากขึ้นนั่นเองค่ะ
“ลงทุนทองคำ”
โอกาสของความมั่งคั่งที่ไม่ควรมองข้าม
ในโลกของการลงทุนยุคปัจจุบัน คนส่วนใหญ่มักจะให้ความสำคัญกับการลงทุนในหุ้นและกองทุนมากกว่า เพราะให้ผลตอบแทนมากกว่า แต่ก็ต้องแลกมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูง ซึ่งมีโอกาสทำให้ขาดทุนได้ ทองคำจึงเป็นสินทรัพย์ทางเลือกสำหรับการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งเหมาะสำหรับการลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพราะมีความมั่นคงในแง่ของผลกำไร รวมถึงช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุน เกิดสภาพคล่องในการซื้อขายและแลกเปลี่ยนค่อนข้างสูง ดังนั้นหลายคนจึงมองว่าการลงทุนในทองคำนั้นมีความคุ้มค่าเป็นอย่างมาก
การลงทุนทองคำ สามารถแบ่งได้ออกเป็น 4 วิธี มีดังนี้
- ซื้อขายทองคำแท่งและทองคำรูปพรรณ
การลงทุนในสินทรัพย์ทองคำแบบจับต้องได้ เป็นวิธีการที่คนไทยส่วนใหญ่คุ้นเคย ซึ่งเราจำเป็นต้องมีเงินก้อนเพื่อใช้ในการลงทุนแลกกับมูลค่าของทองคำตามน้ำหนัก เช่น ซื้อทองรูปพรรณมาสวมใส่เป็นเครื่องประดับ หรือไม่ก็ซื้อทองคำแท่งมาเก็บสะสม หากต้องการแลกเปลี่ยนกลับเป็นเงินสดเมื่อราคาทองขึ้นตามช่วงเวลาต่างๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน
ข้อควรรู้
- ซื้อง่ายและสามารถขายเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ตามที่เราต้องการ
- สามารถใช้เป็นหลักประกันความมั่งคั่งและความมั่นคงในชีวิตได้
ข้อควรระวัง
- หากสถานที่จัดเก็บทองคำไม่มีความปลอดภัยก็อาจจะมีความเสี่ยงในการสูญหาย
- ร้านทองจะเรียกเก็บค่ากำเหน็จหรือค่าใช้จ่ายสำหรับขึ้นรูปทองรูปพรรณเป็นเครื่องประดับ แต่เวลาขายคืน ทางร้านจะประเมินราคาตามน้ำหนักและคุณภาพของทองเท่านั้น
- ทองรูปพรรณในประเทศไทยมีค่าความบริสุทธิ์อยู่ที่ 96.5% ซึ่งแตกต่างจากทองคำที่มีขายกันอยู่ในตลาดโลก ที่มีค่าความบริสุทธิ์สูงสุด 99.99% ดังนั้น ตลาดทองคำในต่างประเทศจึงไม่นิยมรับซื้อทองรูปพรรณจากประเทศไทย
- ออมทองกับร้านทองชั้นนำ
การออมทองคือการใช้หลักการเดียวกับการออมเงิน โดยใช้เงินจำนวนทุนเริ่มต้นไม่ถึงหลักพันบาท ฝากตรงกับร้านทองชั้นนำที่มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งการออมทองนั้นถือว่าเป็นวิธีสะสมเงินให้ครบตามมูลค่าน้ำหนักของทองคำ เมื่อครบจำนวน สามารถแลกเปลี่ยนจากเงินสดเป็นทองคำได้
ข้อควรรู้
- ช่วยฝึกวินัยในการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
- เหมาะสำหรับคนที่สนใจอยากลงทุนทองคำ แต่ยังไม่มีเงินก้อน
- ไม่ต้องกลัวว่าเงินสดและทองคำจะสูญหาย เพราะเราสามารถเก็บมูลค่าไว้กับร้านทองได้โดยไม่จำเป็นต้องถอนออกมาเป็นทองคำ
- สะดวกสบายเพราะทำรายการผ่านแอปพลิเคชันของร้านทอง
ข้อควรระวัง
- ใช้เวลานานกว่าจะสะสมเงินให้พอดีกับมูลค่าของทองคำ
- ควรเลือกออมทองกับร้านทองชั้นนำที่มีความน่าเชื่อถือ
- ซื้อขายกองทุนรวมทองคำ
กองทุนรวมทองคำ (Gold Fund) คือ การลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในทองคำ ฉะนั้นแล้วการเคลื่อนไหวของมูลค่าหน่วยลงทุนจะเป็นไปตามการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลก เปรียบเสมือนการลงทุนในทองคำแท่งทางอ้อมผ่านกองทุนหลักในต่างประเทศ ซึ่งจะนำเงินไปลงทุนในทองคำแท่ง 99.99% หรือ 99.50% อีกทีหนึ่ง ซึ่งมูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนรวม จึงไม่ได้ขึ้นลงตามราคาทองคำในประเทศ แต่จะอิงกับราคาทองคำโลกนั่นเอง
ข้อควรรู้
- สามารถทำการซื้อขายได้สะดวก โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปร้านทอง
- เหมาะสำหรับคนที่สนใจอยากลงทุนทองคำ แต่ไม่อยากเก็บสะสมทองคำ
- ซื้อง่ายโดยผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
- สามารถเริ่มต้นลงทุนในหน่วยย่อยได้ ซึ่งใช้เงินเพียงหลักพันบาทเท่านั้น
- มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างมูลค่าหน่วยลงทุนเมื่อสั่งขายหรือได้รับเงินปันผลจากกองทุน
ข้อควรระวัง
- มีค่าธรรมเนียมสำหรับการซื้อและการขาย
- ต้องใช้เวลา 1-2 วันทำการถึงจะได้รับเงิน จึงมีสภาพคล่องน้อยกว่าการซื้อขายทองคำโดยตรงกับร้านทอง
- การที่กองทุนนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ จึงมีความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนมาเกี่ยวข้องด้วย
- หากเรามองหาโอกาสทำกำไรเพิ่มเติมจากอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้นเราควรเลือกที่จะลงทุนในกองทุนรวมที่ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงไว้เลย (Non-hedged) แต่ก็ต้องระวังไว้ว่ามีโอกาสเพิ่มความเสี่ยงจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนได้เช่นกัน
- ต้องรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้สูง เพราะกองทุนรวมทองคำนั้นถูกจัดอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมทรัพย์สินทางเลือก ซึ่งมีความเสี่ยงระดับ 8 (ความเสี่ยงสูงมาก)
- ลงทุนในสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า
สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) คือ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ ซึ่งมีค่าความบริสุทธิ์อยู่ที่ 96.5% ต่างจากการลงทุนในกองทุนรวมทองคำ สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าจึงเป็นเครื่องมือที่นักลงทุนสามารถใช้ทำกำไรได้ตามการคาดการณ์ที่มีต่อราคาทองคำ ทั้งในช่วงที่ภาวะราคาทองคำอยู่ในช่วงขาขึ้นและช่วงขาลง ด้วยลักษณะเด่นที่มีการซื้อก่อนขายหรือขายก่อนซื้อก็ได้ อีกทั้งยังใช้เงินลงทุนน้อย เพื่อสร้างกำไรได้มากกว่า เพียงแค่เราวางเงินหลักประกันขั้นต้น (Initial Margin) ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1 ใน 10 ของมูลค่าสัญญาทั้งจำนวนเอาไว้ เพื่อเป็นเงินมัดจำ ก่อนส่งคำสั่งซื้อขายต่อไป
ข้อควรรู้
- สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า มี 2 ขนาดของสัญญาคือ Gold Futures ขนาดทองคำแท่งหนัก 50 บาททองคำ (หรือ 762.20 กรัม) และ Mini Gold Futures ขนาดทองคำแท่งหนัก 10 บาททองคำ (หรือ 152.44 กรัม)
- เหมาะกับคนที่มีความเข้าใจเรื่องการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Gold Futures) เป็นอย่างดี เพราะมีเงื่อนไขและรายละเอียดให้ศึกษาเพิ่มเติม
- ซื้อขายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) โดยมีบริษัท สำนักหักบัญชี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ประกันการชำระราคาจากการซื้อขาย
- มีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นผู้กำกับดูแลการดำเนินงานของตลาดสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าและบริษัทสมาชิก
ข้อควรระวัง
- มีความจำเป็นต้องติดตามความเคลื่อนไหวของราคาทองคำอยู่ตลอด
- การลงทุนแต่ละครั้ง ใช้เงินจำนวนหลักหมื่น เงินที่เรานำมาลงทุนจึงควรเป็นเงินเย็น
- ซื้อขายกันด้วยราคาทองและเงินบาท จึงมีความเสี่ยงเรื่องของอัตราการแลกเปลี่ยน
- ควรติดตามสถานะการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพราะการเคลื่อนไหวของตลาดอนุพันธ์ จะมีการเคลื่อนไหวที่ไวกว่าตลาดหลักทรัพย์
จบไปแล้วกับบทความ มือใหม่อยากลงทุนทองคำควรเริ่มตรงไหน? ฉบับเบื้องต้นที่วันนี้แอดมี่ได้รวบรวมข้อมูลมาให้กับทุกคนแล้วนะคะ ดังนั้นก่อนตัดสินใจลงทุนทองคำ นอกจากที่เราต้องศึกษาข้อมูลและนำมาวิเคราะห์แล้ว นักลงทุนควรตั้งเป้าหมายด้วยว่าจะลงทุนเพื่ออะไร ระยะเวลานานเท่าไหร่ กลยุทธิ์ในการลงทุน รวมถึงรูปแบบในการลงทุน และที่สำคัญต้องคำนึงถึงความเสี่ยงที่ตามมาด้วยเสมอนะคะ
หากใครอยากศึกษาข้อมูลและสาระดีๆเกี่ยวกับทองคำแบบนี้อีก สามารถติดตามความเคลื่อนไหวร้านของเราผ่านช่องทาง FACEBOOK กันได้เลยค่ะ ไว้พบกันใหม่ในบทความครั้งหน้านะคะ 😀