ไขข้อสงสัยวิธีการตรวจสอบทองคำแท้
ไขข้อสงสัยวิธีการตรวจสอบทองคำแท้ ซึ่งหลายคนคงจะสงสัยว่าหากเราต้องการตรวจสอบว่าทองคำชนิดนั้นเป็นทองคำแท้หรือมีโลหะอื่นปนอยู่หรือไม่นั้น สำหรับผู้บริโภคที่ไม่มีประสบการณ์หรือความชำนาญในการดูทองคำเพื่อพิจารณาว่าเป็นทอง “แท้” หรือ “ปลอม” ก็มีหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การนำไปเผาไฟ ดูตราโลโก้ชื่อร้านหรือค่าความบริสุทธิ์ที่ตอกอยู่บนทองคำ เป็นต้น แต่หากว่าเราต้องการตรวจสอบในเชิงลึก เราก็สามารถนำตัวชิ้นงานไปตรวจสอบหาค่าความบริสุทธิ์ของโลหะ โดยสามารถทำได้ผ่านห้องปฏิบัติการที่น่าเชื่อถือ ซึ่งมีหลากหลายวิธีและมีความแม่นยำเพียงพอสำหรับการใช้พิสูจน์ทองคำแท่ง ทองคำรูปพรรณ หรือโลหะที่มีค่าที่ซื้อขายกันทั่วไป
ไขข้อสงสัยวิธีการตรวจสอบทองคำ ทั้งนี้การตรวจสอบค่าความบริสุทธิ์มีหลากหลายเทคนิค โดยสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ ประเภทที่ทำลายชิ้นงานกับประเภทไม่ทำลายชิ้นงาน
ประเภททำลายชิ้นงาน แบ่งตามวิธีการและเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจวิเคราะห์ออกเป็นดังนี้
1.การตรวจสอบค่าความบริสุทธิ์ทองคำด้วยเทคนิค Fire Assay
วิธีการทดสอบหาปริมาณโลหะมีค่า เช่น ทองคำ, เงิน ในตัวอย่างแร่หรือโลหะ โดยใช้ความร้อนสูงเพื่อแยกโลหะมีค่าออกจากสิ่งเจือปนเข้าไปในเบ้าหลอม จากนั้นทำการละลายเอาเงินออกด้วยกรดเพื่อให้เหลือเป็นทองคำบริสุทธิ์ ซึ่งหากนำมาชั่งน้ำหนักแล้วจะถูกคำนวณเป็นความบริสุทธิ์ของทองคำในชิ้นงานนั้น ๆ โดยวิธีนี้เหมาะกับการทดสอบกับตัวอย่างเครื่องประดับ ก้อนโลหะ แท่งโลหะ แผ่นโลหะ ที่ทำจากทองคำเท่านั้น
2.การตรวจสอบค่าความบริสุทธิ์โลหะเงินด้วยเทคนิค Potentiometric Titration (Auto Titration)
เทคนิคการวิเคราะห์หาปริมาณโลหะเงิน โดยหลักการไทเทรตคือการใช้เพื่อหาปริมาณหรือความเข้มข้นของสาร ในการไทเทรต โดยรีเอเจนต์ (สสารที่มีอยู่ตอนเริ่มต้นในปฏิกิริยาเคมี) หรือไทแทรนต์ จะถูกเติมลงอย่างช้าๆ ลงในสารละลายที่กำลังวัด (ตัววิเคราะห์) เมื่อเติมเข้าไปจะเกิดปฏิกิริยาเคมีระหว่างไทแทรนต์และสารวิเคราะห์ จุดที่ปฏิกิริยาเสร็จสมบูรณ์และมีปริมาณไทแทรนต์และสารวิเคราะห์ที่เท่ากัน เรียกว่า จุดสมมูล นั่นก็คือจุดที่กรดและเบสทำปฏิกิริยาพอดีกัน หลังจากนั้นนำมาคำนวณหาปริมาณความบริสุทธิ์ของสารละลายตัวอย่าง โดยวิธีนี้เหมาะกับการทดสอบกับตัวอย่าง เครื่องประดับ ก้อนโลหะ แท่งโลหะ แผ่นโลหะ ที่ทำจากโลหะเงินเท่านั้นและต้องตรวจสอบผ่านห้องปฏิบัติการเท่านั้น

3.การตรวจสอบค่าความบริสุทธิ์ของโลหะด้วยเทคนิค ICP-OES (Inductively Coupled Plasma Optical Emission Spectrometry)
เป็นการวิเคราะห์โดยการนำตัวอย่างปริมาณเล็กน้อยมาละลายด้วยกรด ให้เป็นสารละลายตัวอย่าง แล้วฉีดสเปรย์สารตัวอย่างเข้าไปในพลาสมาซึ่งเป็นแก๊สร้อนอุณหภูมิสูงประมาณ 6,000-10,000 องศา ความร้อนจากพลาสมาจะทำให้ธาตุต่างๆแตกตัวเป็นอะตอมหรือไอออนที่คายพลังงานออกมาในรูปสเปกตรัมของคลื่นแสงโดยที่อะตอมของธาตุแต่ ละชนิดจะมีความยาวของคลื่นแสงที่คายออกมาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำการแยกและตรวจวัดสเปกตรัมของคลื่นแสงที่คายออกมาโดยใช้เครื่องสเปกโตรมิเตอร์เพื่อบอกถึงชนิดและปริมาณของธาตุองค์ประกอบต่างๆในสารตัวอย่างนั้น ๆ
โดยวิธีนี้ต้องตรวจสอบผ่านห้องปฏิบัติการเท่านั้น และเหมาะกับวิธีการทดสอบกับตัวอย่างชิ้นงาน ดังต่อไปนี้
1) การวิเคราะห์โลหะเจืออันตรายในเครื่องประดับ เช่น นิเกิล ตะกั่ว และแคดเมียม
2) การวิเคราะห์โลหะความบริสุทธิ์สูง เช่น ทองคำความบริสุทธิ์สูง โลหะเงินความบริสุทธิ์สูง
3) ธาตุองค์ประกอบในตัวอย่างเครื่องประดับ

4.การตรวจสอบอัตราการแพร่ของนิกเกิลในเครื่องประดับ (Nickel Release)
เป็นการวิเคราะห์อัตราการแพร่ของนิกเกิลในเครื่องประดับ โดยการนำเครื่องประดับ มาแช่ไว้ในสารละลายเหงื่อเทียมที่เตรียมขึ้น เป็นเวลา 1 สัปดาห์ จากนั้นนำสารละลายมาวิเคราะห์หาปริมาณธาตุนิกเกิล ด้วยเครื่อง ICP-OES. และทำผ่านห้องปฏิบัติการเท่านั้น
ประเภทไม่ทำลายชิ้นงาน แบ่งตามวีธีการและเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจวิเคราะห์ออกเป็นดังนี้
1.การตรวจสอบความบริสุทธิ์และองค์ประกอบทางเคมีของทองคำด้วยระบบ X-Ray Fluorescence (XRF) จะแบ่งออกเป็น 3 วิธี โดยจำแนกเป็นตารางดังต่อไปนี้

ข้อจำกัดของการใช้เครื่อง X-ray Fluorescence
- เครื่อง X-ray Fluorescence สามารถยิงรังสีเอ็กซ์ทะลุทองคำ 24K ได้ประมาณ 10-15 ไมโครเมตร
- การใช้เครื่อง XRF ตรวจสอบทองคำอาจไม่แม่นยำ หากวัสดุแปลกปลอมอยู่ลึกกว่าระยะที่เครื่อง XRF ตรวจสอบได้

2.การหาความเป็นเนื้อเดียวกันของตัวอย่างด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasonic Testing)
เป็นการตรวจสอบหารอยบกพร่องภายในชิ้นงาน โดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงผ่านเข้าไปยังชิ้นงานทดสอบ โดยอาศัยหลักการในการส่งคลื่นเสียงความถี่ที่มากกว่า 20,000 Hz และดูสัญญาณสะท้อนกลับ เนื่องจากคลื่นเสียงที่ส่งไปนั้น หากตกกระทบกับตัวอย่างที่มีรอยร้าว กลวง หรือมีองค์ประกอบที่แตกต่างจากพื้นผิวมาก จะมีสัญญาณการสะท้อนกลับที่ไม่สม่ำเสมอ จึงทำให้สามารถใช้เทคนิคนี้ในการตรวจสอบความเป็นเนื้อเดียวกันของตัวอย่างได้ โดยวิธีนี้เหมาะกับการทดสอบกับการวิเคราะห์ตัวอย่างที่มีขนาดใหญ่ และมีพื้นผิวเรียบ เช่น ทองคำแท่ง พระพุทธรูป เพื่อให้ทราบว่าตัวอย่างนั้นมีความเป็นเนื้อเดียวกันหรือไม่ โดยมักจะวิเคราะห์ควบคู่กับเทคนิค X-Ray Fluorescence
3.ตรวจสอบและรับรองมาตรฐานเครื่องประดับโลหะมีค่า (Hallmark)
เป็นวิธีการตรวจสอบที่ให้เครื่องหมายรับรองมาตรฐานเครื่องประดับโลหะมีค่า หรือเครื่องหมาย Hallmark ลงบนเครื่องประดับที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว โดยจะมีการรายงานผลการตรวจสอบแบบมีรูปภาพของชิ้นงานและรายละเอียดผลการวิเคราะห์
4.การตรวจสอบด้วยเครื่องวัดความหนาแน่น (Density Meter)
เป็นวิธีการตรวจสอบหาค่าความถ่วงจำเพาะของชิ้นงานโดยอาศัยหลักการของอาร์คิมิดีส (การหาปริมาตรการแทนที่น้ำ) ด้วยวิธีการชั่งน้ำหนักตัวอย่างในอากาศเปรียบเทียบกับการชั่งน้ำหนักตัวอย่างที่จมอยู่ในของเหลวโดยใช้เครื่องชั่งและเครื่องตรวจวัดความหนาแน่น ซึ่งวัตถุที่จุ่มลงในของเหลวบางส่วนหรือทั้งหมดจะมีแรงลอยตัวกระทำกับวัตถุนั้นในทิศทางพยุงขึ้น โดยที่แรงมีขนาดเท่ากับน้ำหนักของของเหลวที่วัตถุนั้นเข้ามาแทนที่ โดยการอ่านค่าจะดูจากหลักการคำนวณความหนาแน่นเพื่อบ่งบอกว่าชิ้นงานตัวอย่างนั้นเป็นทองคำแท้ ซึ่งความหนาแน่นเฉพาะของทองคำบริสุทธิ์ (24K) มีความหนาแน่นอยู่ที่ประมาณ 19.32 g/cm3 แต่ถ้าหากมีวัสดุแปลกปลอมปนอยู่ในชิ้นงานก็อาจจะทำให้การอ่านค่าผิดเพี้ยนไปจากเดิม

เราจะเห็นได้ว่าการตรวจสอบค่าความบริสุทธิ์ของทองคำนั้นมีหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความต้องการของเรา ความแม่นยำ ต้นทุน และการทำลายตัวอย่างหรือไม่นั้น ถ้าหากเราต้องการวิธีที่เน้นความแม่นยำมากที่สุด เราอาจจะเลือกเป็นวิธีการตรวจสอบด้วยระบบ X-Ray Fluorescence (XRF) เพราะสามารถตรวจสอบได้ทั้งชนิดและปริมาณธาตุที่อยู่ในทองคำ ทั้งนี้เราจะต้องศึกษาข้อมูลวิธีการตรวจสอบทองคำแท้ให้เข้าใจ รวมถึงทำการตรวจสอบผ่านห้องปฏิบัติการโดยผู้เชี่ยวชาญหรือร้านทองที่น่าเชื่อถือ ก็จะช่วยทำให้เรามั่นใจในการซื้อขายและการลงทุนมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
สุดท้ายนี้หากใครอยากศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมสามารถ ติดตามผ่านช่องทาง สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (GIT) หรือ FACEBOOK ทางสถาบัน The Gem and Jewelry Institute of Thailand รวมถึงสามารถติดตามคอนเทนต์ดีๆ ผ่านทางเว็บไซต์ของเรา siamgoldgallery ได้เลยค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ องค์การมหาชน (GIT)
ABOUT COMPANY
BUSINESS HOURS
For further assistance, please contact us on business hours.
Mon-Sat: 10am to 4pm
Closed on Sunday